Wakamono Tachi 2014 – วะกะโมโนะ ทะฉิ 2014
“ All About My Siblings “
ห่างหายการรีวิวมานานมากมาย เมื่อคืนได้มีโอกาสดู ซีรีย์เก่า
เรื่องนี้แบบม้วนเดียวจบ
อย่ากระนั้นเลย...จบแล้ว ประทับใจ เลยอยากเก็บมาเล่า ให้ได้ฟังกัน..^^
เรื่องนี้เป็นซีรีย์ฉลองครบรอบ
55 ปีของ Fuji
TV ที่ได้นักแสดงมากฝีมือหลายคนมาร่วมด้วย
เรื่องราวของพี่น้อง 5 คน
ที่ต้องดูแลกันและกันหลังจากเสาหลักของบ้าน คือพ่อ และแม่จากไป
ทิ้งไว้แต่บ้าน ... ที่เป็นศูนย์กลางของทุกคน
อะสึชิ พี่คนโตที่ต้องออกจากโรงเรียนตั้งแต่อายุ 15 โดยทำงานก่อสร้างถนนที่บริษัทเก่าของพ่อ
เพื่อหาเงินเลี้ยงน้องๆ และส่งทุกคนเรียนจนจบ
ซาโตรุ พี่คนที่ 2 หนีออกจากบ้านเมื่อ 10 ปีก่อน และก่อเรื่องต้มตุ๋นจนต้องเป็นคนคุกอยู่ 2 ปี
จึงได้กลับออกมา
ฮิคาริ หญิงสาว 1 เดียวของครอบครัว ที่เป็นทั้งพี่
และน้อง ผู้ให้ และผู้รับ พยาบาลแผนกเด็กแรกเกิด
ซึ่งแอบไปมีความสัมพันธ์กับหมอที่มีครอบครัวแล้ว
ฮารุ น้องคนที่ 4
ผู้หลงใหลและมุ่งมั่นที่จะก่อตั้งคณะละคร
ทาดะชิ น้องชายคนสุดท้องที่ยังเรียนไม่จบ
และมีปัญหาเคยพยายามฆ่าตัวตาย
**** ((( ต่อจากนี้.. จะมี สปอย์ เรื่องราวอาจทำให้เสียอรรถรสในการดูภายหลัง
))) ****
บทเรื่องนี้เขียนได้กินใจ มีกลิ่นอายของความเป็นพี่-น้อง ที่ถ้าครอบครัวไหนได้เกิด เติบโต
และได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน จะเข้าใจ และอินมาก เนื้อเรื่องกระชับตัดความได้เข้าใจง่าย บาง Episodes
เปิดภาพเรื่องราวความเป็นไปของทุกคนต้น
Episodes ไม่กี่นาที ก็พาเนื้อเรื่องคืบหน้าไปกว่าค่อนเรื่อง
ให้ความรู้สึกดีกว่า “
3 เดือนผ่านไป ” แล้วฉายภาพเหตุการณ์หลังจากนั้น หรือค่อยๆ พาคนดูเดินลัดเลาะ
ผ่านไปทีละคนๆ จนเรื่องที่มีคุณค่า กลับน่าเบื่อ ทั้งหมด 11
ตอน จึงไม่มาก ไม่ยาว และอัดแน่นไปด้วยคุณภาพ
สมควรแลกกับเวลาในการค้นหา “สารที่จะสื่อ” ในเรื่องยิ่งนัก
ฉากที่อินมากที่สุด คือฉากที่ อะสึชิ
กระโดดถีบประธานบริษัทก่อสร้างเพื่อนพ่อ เมื่อเค้าพาซาโตรุ
ไปสมัครงานหลังออกจากคุก
แล้วน้องชายตัวเองโดนพูดไล่หลังว่า “ตั้งใจทำงานล่ะ เจ้าอาชญกร”
อะสึชิ ชะงักเท้าก่อนก้าวออกจากประตู หันหลังกลับ
แต่ซาโตรุนั้นรู้นิสัยพี่ตัวเองดีอยู่แล้วจึงขัดขาล้ม
แล้วบอกว่าช่างเถอะ
เค้าชินแล้ว แต่อะสึชิกลับลุกขึ้นต่อยหน้าน้องชายตัวเอง แล้วด่าว่า
คำนี้มันสมควรชินซะที่ไหนล่ะ ก่อนจะหันกลับวิ่งกระโดดถีบประธานบริษัทก่อสร้างเพื่อนพ่อหงายหลัง
กระชากคอเสื้อแล้วบอกว่า จะเหยียดหยามเค้ายังไงเค้าทนได้ แต่ไม่มีสิทธิ์มาว่าคนในครอบครัวของเค้า
เพื่อนที่โยนความผิดให้พ่อก่อนตาย
แล้วเสนอเงื่อนไขรับเด็กมัธยมอย่างเขาเข้าทำงานเป็นการแลกเปลี่ยนนั้น
เค้าเกลียดมาโดยตลอด และไม่เคยเห็นว่าเป็นตัวแทนของพ่อตัวเองเลยสักครั้ง
ฉากที่ชอบมากที่สุด คือฉากกินข้าวของพี่น้องของครอบครัวนี้ โต๊ะสี่เหลี่ยมผืนผ้าตัวเล็ก
พี่น้องนั่งคนละมุมกับพื้น อะสึชิ พี่ใหญ่นั่งหัวโต หันหน้าเข้าทีวี ซ้ายฮารุ
ซาโตรุ ขวาฮิคาริ ทะดะชิ
แล้วถกเถียงกันในมื้อเช้า และมื้อเย็น
เสียงดังโหวกเหวกโวยวาย
แต่ทุกคนก็ได้ เห็นหน้า เขกหัวกัน ทุ่มกัน
รัดคอกัน และ ได้พูดคุยกัน
ฉากน้องสาวกับน้องสุดท้องยกโต๊ะกินข้าวหนีการทุ่มกันของพี่คนโตกับคนที่ 4
เรียกอมยิ้มสุดๆ
ส่วนของบทที่ชอบ คือการใส่คาแรตเตอร์ให้คู่พี่ใหญ่ พี่รองของ อะสึชิ
และซาโตรุ แสง กับเงา
จะเกิดแสง
ก็ต้องมีเงา สว่างจ้าก็ต้องมีความมืดมาตัดถึงจะพอดีกับการมองเห็น ดังนั้น
การมองโลกแง่ความรู้สึก
ของอะสึชิ ที่ให้กับน้อง จึงถูกลดทอนลงด้วย การมองโลกในแง่ความจริงของซาโตรุ จนน้องๆ
ของพวกเขา
ได้รับสิ่งที่พอดี และเพียงพอ
ที่จะนำไปตัดสินใจให้กับการก้าวเดินไปของตัวเอง
อย่าฉากที่ฮิคาริถูกจับได้ว่าคบชู้
อะสึชิ เลือกที่จะอยู่ข้างน้อง
และก้มหัวขอร้องผู้หญิงตัวจริง
เพื่อขอเวลาให้ฮิคาริตัดใจ ในขณะที่ ซาโตรุ เข้าไปตบหน้าน้องสาวตัวเองที่แอบเห็นเหตุการ์ณอยู่ไกลๆ
แล้วพูดว่า “แกอย่าทำให้ หมอนั่น ต้องทำเรื่องน่าสมเพชอย่างนี้สิ” สั้น ง่าย และสอนน้องในเวลาเดียวกันว่า
ความรักผิดๆ
ของตัวเองนั้น กำลังฆ่าศักดิ์ศรีของพี่ชายที่รักเธอมากกว่าใครเพียงใด
((( Credit: ซับไทย ของคุณ Pondloso
ที่ทำให้ดูซีรีย์เรื่องนี้สนุกและอินมากขึ้นค่ะ ชอบการแปลฉากนี้
กับฉากต่อยประธานบริษัทก่อสร้างมาก มันฟินได้ใจจริงๆ..^^ )))
บทสรุปส่งท้ายของซีรีย์ก็ดีงามแม้จะแอบเศร้า อะสึชิ ขายบ้านที่พ่อทิ้งไว้ให้ ชดเชยเงินให้ลูกชาย
ของหญิงชราที่ซาโตรุหลอกเอามา โดยเข้าไปอยู่ด้วยเหมือนลูกของเธอในวาระสุดท้าย
ทุกคน ล้วนต้องก้าวเดินต่อไปในเส้นทางของตัวเอง ที่ตัวเองเลือก ที่ตัวเองฝัน และที่ตัวเองอยากจะเป็น
แต่ไม่ว่าทุกคนจะแยกย้ายจากกันไปอยู่ที่ไหน..
เราก็ยังเป็น....
“ครอบครัวเดียวกันเสมอ
และจะอยู่เคียงข้างกันตลอดไป” ...
จบอย่างสวยงาม
และน่าประทับใจ จนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถึง และอยากให้หลายๆ คนได้ดู รู้เรื่องราว
และอินไปด้วยกัน ..^^
พีชร์ชิอิ – Peachii
อา 28/01/2018
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น